จับเทรนด์การทำงานยุคใหม่ ที่เปลี่ยนไปหลัง COVID-19 เริ่มผ่านพ้นไป อะไรคือสิ่งที่คนทำงานยุคใหม่นั้นมองหาจากที่ทำงาน 🔥
- เทรนด์ #1: ‘งาน’ หมายถึงการปฏิบัติงานแบบไฮบริดและต้องยืดหยุ่น 🔗
เมื่อเร็วๆนี้ได้มีการถกประด็นถึงความเป็นไปได้ของการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์โดยรัฐสภาในประเทศสิงคโปร์เองได้ถกเถียงกันเกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าวไปเมื่อต้นปีนี้ได้พบว่า 2 ใน 3 ของพนักงานในสิงคโปร์ชื่นชอบการปฏิบัติงานแบบยืดหยุ่นที่จะเอื้อให้พนักงานสามารถควบคุมชั่วโมงการทำงานของตนเองได้ดีขึ้นทั้งนี้รายงานล่าสุดของไอดีซีแสดงให้เห็นว่าพนักงานทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีความคิดที่คล้ายคลึงกัน โดยพนักงานมากกว่า 56% ในภูมิภาคนี้ต้องการลักษณะงานที่ยืดหยุ่นพร้อมออปชั่นให้เลือกการทำงานทั้งในสำนักงาน และจากทางไกลถึงแม้กระทั่งได้เกิดการแพร่ระบาดไปแล้วโชคดีที่เราเห็นทัศนคติที่ตอบรับต่อการทำงานแบบไฮบริดมากขึ้นในการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ที่จัดขึ้นโดย Center for Creative Leadership พบว่าผู้นำจากญี่ปุ่น ออสเตรเลียและเวียดนามเปิดกว้างมากขึ้นในการเตรียมรับกรณีที่พนักงานจะไม่ทำงานในสถานที่ทำงานถึง 100% ทั้งนี้ สิงคโปร์อยู่ในอันดับที่สูงที่สุดที่ยอมรับการทำงานแบบไฮบริดและให้ความยืดหยุ่นแก่พนักงานในการทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลาและคาดหวังให้พนักงานปฏิบัติงานในสถานที่ตลอดเวลาน้อยที่สุด
- เทรนด์ #2: Gen Z ชอบการเชื่อมโยงทีมงานได้แบบเห็นหน้าเห็นตากัน 💞
หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญที่สุดเมื่อองค์กรจำเป็นต้องให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานที่สำนักงานคือต้องการให้พนักงานประสานเชื่อมโยงกับทีมงานกันได้ดีขึ้นเพื่อทำงานให้สำเร็จ เนื่องจากพนักงานให้ความสำคัญในเรื่องความยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก ส่งให้องค์กรต่างๆ ต้องมองหาวิธีทั้งนี้สำหรับสถานการณ์ที่ไม่จำเป็นต้องไปปฏิบัติงานที่สำนักงานเรามีโซลูชันที่เหมาะสมที่สามารถช่วยให้พนักงานเห็นหน้ากันแบบเสมือนจริงได้การลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยให้พนักงานได้รับประสบการณ์การทำงานที่เท่าเทียมมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นระบบวิดีโอที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นซึ่งช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นชัดหรือระบบเสียงชั้นดีที่ไม่เพียงช่วยให้ผู้ร่วมประชุมทุกท่านได้ยินเสียงของผู้พูด
- เทรนด์ #3: การเพิ่มขึ้นของ Gen Z 👩🏻🦰
กลุ่มคน เจนซี หรือที่เรียกว่า Zoomers คือผู้ที่เกิดระหว่างปีพ.ศ. 2540 ถึง 2553 โดยสมาชิกที่อายุมากที่สุดในขณะนี้คือ 26 ปี และคาดว่ากำลังจะกลายเป็นประชากรประมาณ 27% ของพนักงานทั่วโลกภายในปีพ.ศ. 2568 กลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนยุคดิจิทัลอย่างแท้จริงกลุ่มแรกและไม่เคยประสบกับเวลาที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้งานชาวดิจิทัลเหล่านี้เข้ามาทำงานด้วยความคาดหวังที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับเทคโนโลยีและยังคาดหวังในความสัมพันธ์ทั้งส่วนตัวและในที่ทำงานอย่างจริงจังมากขึ้นดังนั้น ผู้นำธุรกิจจึงต้องปรับตัว เพื่อรองรับความคาดหวังของกลุ่มคนเจนนี้ซึ่งหมายถึง สิ่งที่คนรุ่นมิลเลนเนียลต้องการนั้นไม่ใช่สิ่งที่กลุ่มคนยุคนี้ต้องการซึ่งห่างไกลกว่ากลุ่มรุ่น Boomers ต้องการมากองค์กรจำเป็นต้องปรับแนวปฏิบัติเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กรการฝึกอบรมและวิธีการรักษาพนักงานให้สอดคล้องกับความต้องการและสิ่งที่คนกลุ่มนี้เรียกร้องในขณะที่ยังคงต้องดูแลพนักงานในรุ่นต่างๆ อีกด้วย
นายจ้างสามารถสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งขึ้นสำหรับพนักงานรุ่นใหม่นี้โดยพยายามทำความเข้าใจบุคลิกในที่ทำงานของพวกเขาหรือวิธีทำงานที่พวกเขาชื่นชอบให้ดียิ่งขึ้น ไปจนถึงความคิดเห็นและปฏิกิริยาที่มีต่อนโยบายการทำงานปัจจุบันขององค์กร นอกจากนี้ องค์กรควรใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้เข้าใจถึงการลงทุนและใช้เทคโนโลยีและการจัดสถานที่ทำงานที่ดีขึ้นเพื่อช่วยให้พวกเขาทำงานได้ดีขึ้น ปัจจุบันเป็นยุคที่ผู้นำต้องให้ความสนใจในความเห็นของพนักงานมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม Gen Z หรือกลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อองค์กรต้องรักษาและดึงดูดให้พนักงานรุ่นใหม่ๆ ที่มีความสามารถร่วมทำงานด้วยต่อไป
ที่มา Innomatter https://www.innomatter.com/tech/enterprise/gen-z-working-trend-for-2023/