หลักสูตร วิทยาศาสตรบัณฑิต
สาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2565
ชื่อสถาบันอุดมศึกษา : มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
คณะ/ภาควิชา : คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี/ภาควิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ
สาขาวิชา : อาชีวอนามัยและความปลอดภัย
หมวดที่ 1 ข้อมูลทั่วไป
1. รหัสและชื่อหลักสูตร
รหัสหลักสูตร : 25511741103058
ชื่อหลักสูตรภาษาไทย : หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
ชื่อหลักสูตรภาษาอังกฤษ : Bachelor of Science Program in Occupational Health and Safety
2. ชื่อปริญญาและสาขาวิชา
ชื่อเต็ม (ภาษาไทย) : วิทยาศาสตรบัณฑิต (อาชีวอนามัยและความปลอดภัย)
ชื่อย่อ (ภาษาไทย) : วท.บ. (อาชีวอนามัยและความปลอดภัย)
ชื่อเต็ม (ภาษาอังกฤษ) : Bachelor of Science (Occupational Health and Safety)
ชื่อย่อ (ภาษาอังกฤษ) : B.Sc. (Occupational Health and Safety)
3. วิชาเอก : ไม่มี
4. จำนวนหน่วยกิต : ไม่น้อยกว่า 144 หน่วยกิต
5. รูปแบบของหลักสูตร
5.1 รูปแบบ
🗹หลักสูตรปริญญาตรีทางวิชาการ
🗹หลักสูตรปริญญาตรีทางวิชาการ
□หลักสูตรปริญญาตรีแบบก้าวหน้าทางวิชาการ
□หลักสูตรปริญญาตรีทางวิชาชีพ
□หลักสูตรปริญญาตรีทางวิชาชีพ
□หลักสูตรปริญญาตรีแบบก้าวหน้าทางวิชาชีพ
□หลักสูตรปริญญาตรีปฏิบัติการ
□หลักสูตรปริญญาตรีปฏิบัติการ
□หลักสูตรปริญญาตรีแบบก้าวหน้าปฏิบัติการ
5.2 ภาษาที่ใช้
🗹ภาษาไทย
□ภาษาต่างประเทศ
□ภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ
5.3 การรับเข้าศึกษา
□รับเฉพาะนักศึกษาไทย
□รับเฉพาะนักศึกษาต่างชาติ
🗹รับทั้งนักศึกษาไทยและนักศึกษาต่างชาติ
5.4 ความร่วมมือกับสถาบันอื่น
เป็นหลักสูตรเฉพาะของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
5.5 การให้ปริญญาแก่ผู้สำเร็จการศึกษา
ให้ปริญญาเพียงสาขาวิชาเดียว
6. สถานภาพของหลักสูตรและการพิจารณาอนุมัติ/เห็นชอบหลักสูตร
6.1 สถานภาพของหลักสูตร
□หลักสูตรใหม่
🗹หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2565 ปรับปรุงจากหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย พ.ศ. 2560 เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551
6.2 เริ่มใช้ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 เป็นต้นไป
6.3 สภาวิชาการพิจารณาและเห็นชอบให้นำเสนอหลักสูตรต่อสภามหาวิทยาลัย ในการประชุมครั้งที่ 2 / 2565 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565
6.4 สภามหาวิทยาลัยอนุมัติหลักสูตรในการประชุมครั้งที่ ระบุครั้งที่ / ระบุพ.ศ. เมื่อวันที่ ระบุวันที่ ระบุเดือน พ.ศ. ระบุพ.ศ.
7. ความพร้อมในการเผยแพร่หลักสูตรที่มีคุณภาพและมาตรฐาน
🗹หลักสูตรจะมีความพร้อมในการเผยแพร่หลักสูตรที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 ในปีการศึกษา 2567
□หลักสูตรจะมีความพร้อมในการเผยแพร่หลักสูตรที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับระบุมคอ.1 ของสาขาวิชา ในปีการศึกษา ระบุปีการศึกษาที่คาดว่าหลักสูตรจะได้รับการรับทราบ
8. อาชีพที่สามารถประกอบได้หลังสำเร็จการศึกษา
1) เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ (จป.วิชาชีพ) ที่สามารถขึ้นทะเบียนกับกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ตามกฎหมาย โดยไม่มีการสอบเพิ่มเติม
2) นักวิชาการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
3) นักวิชาการแรงงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
4) ผู้ตรวจวัดและประเมินสภาพแวดล้อมในการทำงาน
5) นักวิชาการภาครัฐและเอกชน บริษัทที่ปรึกษา องค์กรระหว่างประเทศ
6) วิทยากรด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
7) ผู้ตรวจประเมินระบบมาตรฐานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ผู้ควบคุมระบบบำบัดมลพิษ และบุคลากรเฉพาะผู้ควบคุมสารเคมีและวัตถุอันตราย ทั้งนี้ต้องมีคุณสมบัติเพิ่มเติมหรือสอบผ่านตามมาตรฐานที่หน่วยงานกำหนด
9. ชื่อ สกุล ตำแหน่งทางวิชาการ และคุณวุฒิการศึกษาของอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตร
ลำดับที่ | ชื่อ-สกุล เลขประจำตัวประชาชน | ตำแหน่งทางวิชาการ | คุณวุฒิ(สาขาวิชา) | สถานศึกษาและปีพ.ศ.ที่สำเร็จการศึกษา |
---|---|---|---|---|
1 | นายฌาน ปัทมะ พลยง2-3099-xxxxx-xx-x | ผู้ช่วยศาสตราจารย์อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (3504) | ปร.ด. (อาชีว-อนามัยและความปลอดภัย) วท.ม. (อาชีว-อนามัยและความปลอดภัย)วท.บ. (สุขศึกษาและพฤติกรรมสุขภาพ) | มหาวิทยาลัยบูรพา, 2564 มหาวิทยาลัยบูรพา, 2556 มหาวิทยาลัยบูรพา, 2552 |
2 | นายกิจจา จิตรภิรมย์3-9298-xxxxx-xx- | รองศาสตราจารย์ สาธารณสุขศาสตร์ (3501) | วท.ด. (วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม)วท.ม. (การใช้ที่ดินและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน)Dip.in Medical microbiology ส.บ. (อาชีวอนามัยและความปลอดภัย)วท.บ. (เกษตรศาสตร์) | จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2553 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2547 Institute for Medical Research (IMR) ประเทศมาเลเซีย, 2548มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2549 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2539 |
3 | นางสาวเชิดศิริ นิลผาย3-3015-xxxxx-xx-x | ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาธารณสุขศาสตร์ (3501) | วศ.ม. (วิศวกรรมความปลอดภัย) ส.บ. (อาชีวอนามัยและความปลอดภัย)วท.บ. (วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม) | มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2552มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2553 มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2548 |
4 | นางสาวบุตรี เทพทอง3-1014-xxxxx-xx-x | อาจารย์ | วท.ม. (สุขศาสตร์อุตสาหกรรมและความปลอดภัย)วท.บ. (อนามัยสิ่งแวดล้อม) | มหาวิทยาลัยมหิดล, 2548 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2542 |
5 | นางสาวชนพร พลดงนอก1-4097-xxxxx-xx-x | อาจารย์ | วท.ม. (สุขศาสตร์อุตสาหกรรมและความปลอดภัย)วท.บ. (สาธารณสุขศาสตร์) | มหาวิทยาลัยมหิดล, 2556 มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2552 |
หมายเหตุ ประวัติ ผลงานทางวิชาการ และภาระงานสอนของอาจารย์ ดูที่ภาคผนวก ค
10. สถานที่จัดการเรียนการสอน
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กรุงเทพมหานคร
11. สถานการณ์ภายนอกหรือการพัฒนาที่จำเป็นต้องนำมาพิจารณาในการวางแผนหลักสูตร
11.1 สถานการณ์หรือการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
รัฐบาลไทยได้เล็งเห็นถึงการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีข้อได้เปรียบเชิงพื้นที่เป็นศูนย์กลางของเอเชีย จึงส่งผลให้ประเทศเป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมโยงกับประเทศเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาค นอกจากนี้ประชากรในภูมิภาคเอเชียที่มีมากขึ้นร่วมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจแซงหน้าทวีปอื่น ๆ เอเชียจึงเป็นทวีปที่รุ่งเรืองในยุคสมัยนี้ เห็นได้ว่ารัฐบาลได้มีแผนรองรับการเจริญเติบโต โดยมีแผนหลักพัฒนาประเทศในระยะยาวภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) และมุ่งเน้นให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ในทิศทางของการพัฒนาประเทศ รัฐบาลได้ส่งเสริมการขยายต่อในทางด้านอุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน (Industry, Innovation และ Infrastructure) โดยกำหนด 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายหลักไว้ในระยะแรก เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ การแปรรูปอาหาร หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ และเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ เป็นต้น ทั้งนี้การพัฒนาขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรมเหล่านี้ในอนาคตอันใกล้จะมีการขยายตัวอย่างมาก เห็นได้จากการส่งเสริมการลงทุน จัดหาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน และอำนวยความสะดวกในการขยายฐานการผลิต โดยกำหนดจังหวัดเศรฐกิจพิเศษกระจายทั่วภูมิภาคของประเทศ ดังนั้นจะมีประชาชนหรือวัยแรงงานเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น ในประเด็นที่ต้องดำเนินการควบคู่กัน คือ การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good health and well-being) รวมถึงผู้ประกอบอาชีพที่ควรลดหรือป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพ ซึ่งวัยแรงงานถือได้ว่าเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ศาสตร์ด้านการดูแลสุขภาพในกลุ่มแรงงานจึงควรมีการพัฒนาองค์ความรู้ตามไปด้วย
ความต้องการของรัฐบาลเพื่อให้เกิดความปลอดภัยควบคู่กับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลได้มอบนโยบายแผนงานระยะยาวเรียกว่า “ความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของประเทศไทย” หรือ “Safety Thailand” เป็นวาระปฏิรูปเร่งด่วนภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยในแต่ละช่วงจะแบ่งยุทธศาสตร์การดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ในด้านความปลอดภัยได้เกิดจากการบูรณาการร่วมกันของ 10 กระทรวงและ 4 หน่วยงานภาคี ได้แก่ กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงศึกษาธิการ (ปัจจุบันเป็นภารกิจของกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) สำหรับหน่วยงานภาคี ได้แก่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ทั้งนี้แนวทางการดำเนินงานในปีปัจจุบันได้ขับเคลื่อนภายใต้ระเบียบวาระแห่งชาติ “แรงงานปลอดภัยและสุขภาพอนามัยดี” ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2560-2569) และแผนแม่บทความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560-2564) มียุทธศาสตร์ที่สำคัญประกอบด้วย 4 ประเด็น ได้แก่ การส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย การพัฒนามาตรการป้องกัน การร่วมมือและพัฒนาภาคีเครือข่าย และการพัฒนากลไกการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยและ
อาชีวอนามัย โดยกระทรวงอุดมศึกษา ฯ มีหน้าที่รับผิดชอบใน 3 ยุทธศาสตร์แรก นอกจากนี้ได้สอดคล้องกับทิศทางของมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้สนับสนุนการผลิตบัณฑิตทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ เห็นได้ว่างานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องมีการดำเนินงานและสร้างองค์ความรู้ในระดับเร่งด่วน เพื่อรองรับการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมของประเทศ
จากสภาวการณ์พัฒนาประเทศไปในทิศทางของอุตสาหกรรม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายต่อกระบวนการผลิต เช่น ขั้นตอนการผลิต สิ่งคุกคามที่เป็นอันตราย เทคโนโลยีการควบคุม และปริมาณสารเคมีที่ใช้จำนวนมาก เป็นต้น เหล่านี้ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติในภาคอุตสาหกรรมในอนาคตได้ ซึ่งการเติบโตด้านเศรษฐกิจของประเทศที่ควรควบคู่กับการมีสุขภาพดีถ้วนหน้าของแรงงานล้วนเป็นภาพพึงประสงค์ทั้งในระดับบุคคลและมหภาค กล่าวคือ ประเทศมีรายได้เติบโตมากขึ้นและประชาชนลดภาระโรคที่จะเกิดขึ้นจากการรักษาโรคหรือการบาดเจ็บจากการทำงานได้ โดยเฉพาะสาเหตุปัจจัยที่สามารถป้องกันและควบคุมได้ เหล่านี้ล้วนมีความสำคัญและความจำเป็นอย่างยิ่งในการนำมาปรับปรุงในกระบวนการเรียนการสอน เพื่อสามารถผลิตบัณฑิตที่มีความรู้เฉพาะที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ร่วมกับปรับปรุงให้หลักสูตรเพิ่มพูนการพัฒนาให้นักศึกษามีทักษะการแสวงหาความรู้ที่สำคัญในยุคนิจิตัล มุ่งหวังให้บัณฑิตสามารถปฏิบัติงานและปรับตัวให้เท่าทันความรู้ที่ก้าวหน้าด้านวิชาการอย่างต่อเนื่องต่อไป
11.2 สถานการณ์หรือการพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรม
สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากอดีต เห็นได้จากการย้ายถิ่นของคนในชุมชนชนบทเข้าสู่การประกอบอาชีพในชุมชนเมือง มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย การประกอบอาชีพที่หลากหลายที่สามารถทำได้หลายอย่างและมีระยะเวลาทำงานที่นานขึ้น โดยมุ่งหวังต้องการรายได้ที่ตอบสนองความต้องการของตนเอง เหล่านี้ส่งผลให้วิถีการดำเนินชีวิตและความเป็นอยู่ของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน ผู้คนต้องการที่อยู่อาศัยใกล้กับโรงงานอุตสาหกรรมที่มักมีความเจริญทางกายภาพตามไปด้วย อยู่แบบสัมคมเดี่ยวเพิ่มมากขึ้น วัฒนธรรมท้องถิ่นการพึ่งพาซึ่งกันและกันได้เลือนหายไป ในอีกด้านหนึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้อาจเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น เช่น ภาวะสุขภาพทางจิต อาชญากรรม โรคระบาดที่อยู่ใกล้ชิดกัน หรือการเกิดอุบัติเหตุ/อุบัติภัยฉุกเฉินของภาคอุตสาหกรรมส่งผลต่อชุมชนโดยรอบ เป็นต้น เกิดความสูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน และทางด้านจิตใจ ดังที่เคยเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเป็นระยะให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้หลักสูตรมีความจำเป็นในการปรับปรุงและพัฒนาให้มีความสอดคล้องกับบริบทของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ปรับเพิ่มสาระในเนื้อหารายวิชา เพื่อมุ่งผลิตบัณฑิตที่มีเป็นนักวิชาการและวิชาชีพด้านอาชีวอนามัยให้มีความสามารถในการปฏิบัติงานปกป้องดูแลสุขภาพอนามัย และความปลอดภัยของผู้ประกอบอาชีพในภาคอุตสาหกรรม ในชุมชน และกลุ่มแรงงานนอกระบบ รวมถึงคำนึงถึงสุขอนามัยที่ดีของประชาชนโดยรอบของโรงงานอุตสาหกรรมในบทบาทตัวเองที่รับผิดชอบ รวมทั้งบัณฑิตต้องสามารถทำงานร่วมกันระหว่างโรงงาน หน่วยงานภาครัฐ และชุมชนได้ เช่น การประเมินผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจากโรงงานอุตสาหกรรม การเตรียมการซ้อมแผนฉุกเฉินในชุมชนรอบข้าง เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นการปรับหลักสูตรให้ทันสมัยกับกฎระเบียบทางสังคมที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยด้านสุขภาพของผู้ประกอบอาชีพและผู้พักอาศัยโดยรอบอุตสาหกรรมต่อไป
12. ผลกระทบจาก ข้อ 11.1 และ 11.2 ต่อการพัฒนาหลักสูตรและความเกี่ยวข้องกับพันธกิจของสถาบัน
12.1 การพัฒนาหลักสูตร
จากผลกระทบดังกล่าวข้อ 11.1 และ 11.2 จำเป็นต้องมีการปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัยและสอดคล้องกับผลการประเมินผู้ใช้บัณฑิตที่ผ่านมา กฎหมายฉบับใหม่ และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เห็นได้ว่ารัฐบาลมีจุดเน้นในการส่งเสริมให้มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว รวมถึงการปรับปรุงครั้งนี้พิจารณาถึงการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องตามแนวทางการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งเป็นทักษะอนาคตใหม่ในศตวรรษที่ 21 มุ่งผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีทักษะการค้นคว้าและเรียนรู้ตลอดชีวิต ด้วยเหตุนี้จึงมุ่งเน้นการจัดการเรียนการสอนอันมีลักษณะ ดังนี้
(1) การพัฒนาความรู้ การปฏิบัติ และเสริมสร้างแนวคิดให้กับผู้เรียนให้มีกระบวนการคิดและแก้ไขปัญหาอย่างมีหลักการและเหตุผล รวมทั้งสามารถสื่อสาร และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศได้อย่างเหมาะสม
(2) การเน้นแนวคิดวิเคราะห์ แก้ไขปัญหาทางด้านอาชีวอนามัย และความปลอดภัยในการทำงานได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนสามารถวางแผน เพื่อจัดทำโครงการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
(3) เน้นบูรณาการองค์ความรู้พื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งมีความสามารถในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงเทคนิคทางระบบจัดการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย
อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานมาใช้ในการปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพนำไปสู่งานวิจัย และสามารถแก้ปัญหาและรู้เท่าทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ดี
(4) เน้นการผลิตบัณฑิตที่มีคุณธรรม จริยธรรม มีความรับผิดชอบ และใฝ่ค้นคว้าหาความรู้อย่างสม่ำเสมอ
12.2 ความเกี่ยวข้องกับพันธกิจของสถาบัน
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้กำหนดวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัย คือ “เป็นสถาบันชั้นนำแห่งการเรียนรู้ในการผลิตการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา การดนตรี อุตสาหกรรมบริการ วิทยาศาสตร์สุขภาพที่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล” ซึ่งสาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัยเป็นหนึ่งในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพตามนิยามของสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บัณฑิตที่จบไปเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพตามกฎหมายกำหนด ทำหน้าที่ในการดูแลสุขภาพของผู้ประกอบอาชีพและประชาชนที่ประกอบอาชีพทุกภาคส่วน จำเป็นที่ต้องใช้ทักษะและเทคนิคในการทำงานระดับสูงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตและสุขภาพ ทั้งนี้ต้องมีการพัฒนาองค์ความรู้ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม นอกจากนี้ได้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ได้กำหนดให้มีการพัฒนาหลักสูตร โดยปรับปรุง เปลี่ยนแปลงหลักสูตรเพื่อผลิตบัณฑิตให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ มีการบูรณาการความเชี่ยวชาญของสาขาวิชาต่าง ๆ เพื่อความทันสมัย พัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรมบนพื้นฐานของการวิจัย เป็นศูนย์กลางการบริการวิชาการความรู้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ประกอบอาชีพ ดังนั้นการพัฒนาหลักสูตรในครั้งนี้จึงเน้นกระบวนการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม มีสุขภาพอนามัยดี มีทักษะวิชาการ ทักษะทางภาษาและเทคโนโลยี มีศักยภาพ พร้อมเป็นผู้นำทางปัญญา เน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิงวิชาการและการปฏิบัติกับหน่วยงานภายใน ภาครัฐบาล ภาคเอกชน และชุมชนโดยรอบ พร้อมทั้งมีทักษะบุคคลในศตวรรษที่ 21 ส่งเสริมให้พัฒนาตนในการค้นคว้า รอบรู้ แสวงหาองค์ความรู้ในสิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยระดับชาติและสากล เพื่อปรับใช้กับงานตามบทบาทของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับวิชาชีพได้อย่างมีคุณภาพควบคู่กับคุณธรรมได้ต่อไป
13. ความสัมพันธ์กับหลักสูตรอื่นที่เปิดสอนในคณะ/ภาควิชาอื่นของสถาบัน (เช่น รายวิชาที่เปิดสอนเพื่อให้บริการคณะ/ภาควิชาอื่น หรือต้องเรียนจากคณะ/ภาควิชาอื่น)
13.1 รายวิชาในหลักสูตรที่เปิดสอนโดยคณะ/ภาควิชาอื่น
รายวิชาต่างๆ ในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป หมวดวิชาเฉพาะ และหมวดวิชาเลือกเสรี ดังต่อไปนี้
1) หมวดวิชาศึกษาทั่วไป ทุกรายวิชาที่เปิดสอนโดยคณะหรือสาขาวิชาอื่น
2) หมวดวิชาเฉพาะ ได้แก่ กลุ่มพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ได้แก่ รายวิชา ฟิสิกส์ 1 ปฏิบัติการฟิสิกส์ 1 เคมี 1 ปฏิบัติการเคมี 1 ชีววิทยา 1 ปฏิบัติการชีววิทยา 1 ภาษาอังกฤษสำหรับนักวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์เบื้องต้น ชีวเคมี เคมีอินทรีย์ และปฏิบัติการเคมีอินทรีย์
3) หมวดวิชาเลือกเสรี ทุกรายวิชาที่เปิดสอนโดยคณะหรือสาขาวิชาอื่น
13.2 รายวิชาในหลักสูตรที่เปิดสอนเพื่อให้บริการคณะ/ภาควิชาอื่น
รายวิชาที่เปิดสอนเพื่อให้บริการคณะ/ภาควิชาอื่น ได้แก่ รายวิชา อาชีวอนามัยและความปลอดภัยพื้นฐาน มลพิษสิ่งแวดล้อม อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล ความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า การจัดเก็บสารเคมีและวัตถุอันตราย และมาตรฐานการจัดการด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม
13.3 การบริหารจัดการ
การบริหารจัดการการเรียนการสอนมีการประสานงานร่วมกันระหว่างหลักสูตรกับภาควิชาและ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารหลักสูตร เพื่อพัฒนา / ปรับปรุงหลักสูตร โดยมีอาจารย์ผู้รับผิดชอบหลักสูตรเป็นผู้ประสานงานกับอาจารย์ในสาขาวิชา และอาจารย์ผู้แทนจากในสาขาวิชาอื่นหรือคณะอื่นที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาหลักสูตรด้านเนื้อหาสาระ ความสอดคล้องกับมาตรฐานผลการเรียนรู้ตามมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรต้องมีการวางแผนร่วมกันระหว่างผู้เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ผู้บริหารมหาวิทยาลัย ผู้บริหารคณะ และอาจารย์ผู้สอน ซึ่งอยู่ต่างสาขาวิชาหรือต่างคณะเพื่อกำหนด เนื้อหา และกลยุทธ์การสอนตลอดจนการวัดและประเมินผล ทั้งนี้เพื่อให้นักศึกษาได้บรรลุผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตร